หลังจากที่เพื่อนๆและผมช่วยกันหาที่เที่ยวในอินเตอร์เน็ตกัน เพื่อนผมคนนึงได้ไปเจอกับ รีวิวนึงในพันธุ์ทิพย์ "พุเตย...อุทยานฯโลกลืม" เพื่อนคนนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่า "ยอดเขาเทวดา เห้ย!! เมิงต้องไปให้ได้" โอเคครับ กุไปก็ได้ครับ
หลังจากนั้น เราก็ได้จัดเตรียมของ และศึกษาเส้นทางคร่าวๆ สำหรับเดินทางไปยัง "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" และ "ยอดเขาเทวดา"
ซึ่งเราศึกษาข้อมูลน้อยเกินไป ทำให้ทริปนี้เราได้เดินทางตาม GPS แบบงงๆ ไปยัง "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 และศาลเลาด้าห์"
ก่อนอื่น ขอเล่าให้ฟังก่อน คือ ในตอนที่เราไปกางเต้นบนอุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 1 ได้เจอกับลุงคนนึง (แกมาขอน้ำร้อน) แกเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นมาหลายรอบแล้ว เส้นทางขึ้นจริงๆ ที่แกเคยเดินทาง มีอยู่ 3 ทาง คือ
1.ก่อนถึงอำเภอด่านช้าง ให้เลี้ยวซ้าย จะเป็นทางลาดยางยาวๆ (ด้านปลักประดู่-ห้วยหินดำ) ไปจนถึงทางเข้า "ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" เส้นทางจะเดินทางสบายหน่อย นักท่องเที่ยวส่วนมากจะใช้เส้นทางนี้กัน
2.หากวิ่งตรงไปที่อำเภอด่านช้างจนถึงบ้านวังคัน (ด้านวังคัน-ป่าขี) จะเข้าไปที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 หากวิ่งตาม GPS ชี้ไปที่ "อุทยานแห่งชาติพุเตย" GPS มันจะชี้มาที่นี่แหละ (ซึ่งเราก็เดินทางตาม GPS มาตรงนี้ซะด้วยสิ )
3.ส่วนเส้นที่ 3 เราจำไม่ได้ว่าลุงคนนั้นบอกว่าทางไหน แต่แกบอกว่า จะเป็น ทาง Off Road หน่อย ไปแล้วเลี้ยวกลับยาก เพราะทางแคบพอดีรถ และจะโผล่มาที่เขาสน ทะลุลงมาตรง 3 แยกศาลเลาดาห์แอร์เลย (ไม่ผ่านหน่วยอุทยานไหนเลยว่างั้น)
จากแผนที่ด้านบน เส้นสีขาว คือ ทางลาดยาง ส่วน เส้นสีส้มๆ คือ ดินลูกรัง
หากเป็นรถยนต์ แนะนำให้ ใช้กระบะเท่านั้น ยิ่งกระบะยกสูงหรือ 4WD เลยยิ่งดี (แต่ก็เคยเห็นรถเก๋งวิ่งลงมานะ อันนี้ยอมจ้าา)
เราเดินทางมาช่วงกลางๆเดือนธันวาคม อากาศยังค่อนข้างจะเย็นๆหน่อย
เริ่มต้นวิ่งเข้าสุพรรณบุรี แวะซื้อกุ้งเผาก่อนเข้าสุพรรณบุรี ร้านเจ๊อ๊ายกุ้งใหญ่ แนะนำเลยว่า สดอร่อยมากครับ (ขอ facebook ไว้เลย คราวหน้าจะได้แวะถูก)
หลังจากเตรียมเสบียงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปทางอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
หากต้องการเดินทางไปที่ "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ และยอดเขาเทวดา" โดยไม่ผ่าน หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 และที่ 2 ให้เลี้ยวซ้ายที่ตรงนี้ได้เลย (แต่เราไม่ได้เลี้ยว เราเดินทางตรงต่อไปยัง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 )
หลังจากที่เราไม่ได้เลี้ยว และเดินทางตรงไปเรื่อยๆ ตาม GPS จนถึง หอนาฬิกาบรรหารแจ่มใส
เห็นป้ายอุทยานแห่งชาติพุเตยแล้ว
เรามาเลี้ยวซ้ายเข้าไปตำบลวังยาว ตรงปากทางจะมีร้านค้าสำหรับซื้อของอีกจุดนึง สามารถซื้ออาหารและของใช้จากตรงนี้ได้เหมือนกันครับ
หรือขับรถเข้าไปอีก จนถึงหมู่บ้านกกตาด ตรงนี้จะมีตลาดสด ตั้งอยู่ที่วัดกกตาด สามารถเลือกซื้ออาหารต่างๆได้จากตรงนี้ได้เหมือนกันครับ
จากนั้น เราก็เดินทางกันต่อ เพื่อไปยัง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1
บรรยากาศดีมากเลย
ในที่สุดเราก็ถึง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 ตรงนี้จะเก็บค่าผ่านเข้าอุทยาน
แผนที่การเดินทางบนอุทยานแห่งชาติพุเตยครับ
มาถึงตรงนี้เป็นเวลาบ่าย 4 แล้ว สรุปแล้ว เรามากางเต้นนอนกันที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 และวางแผนกันใหม่ที่จะเดินทางอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
อากาศตรงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 ยามค่ำมานี่ หนาวเย็นกันเลยทีเดียว ( ถ่ายดาวได้ด้วย )
มีลุงคนนึงมาขอน้ำร้อน แกเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นมานี่ตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว ทางขึ้นมามี 3 ทาง (อย่างที่เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น) และแกเล่าไปอีกว่า แต่ก่อนถ้าจำไม่ผิดประมาณปี 2537 ได้ แกกับเพื่อนๆ ไปตั้งเต้นท์อยู่บนเขาสน แกก็กินเหล้ายาปลาปิ้งไปตามประสาวัยรุ่นทั่วไป จนตกดึกมา ต่างคนก็ต่างเมา แกก็เห็นเพื่อนแกเดินไปเยี่ยว และก็เหมือนยืนคุยอยู่คนเดียว เป็นเรื่องเป็นราว ลุงแกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเมาแล้วเพ้อไป ก็พากันกินต่อจนพากันเข้าเต้นท์นอนกันไป ตื่นเช้ามา ลุงแกเลยถามเพื่อนว่าคุยกะใครวะเมื่อคืน เพื่อนแกก็เล่าให้ฟังว่า ไม่รู้ว่ะ น่าจะเป็นชาวบ้านมั๊ง มาชวนคุย ลุงบอกขนลุกเลย เพราะใครๆก็เห็นว่าคุยอยู่คนเดียว ก็หลอนกันไปเลย
ตอนเช้าๆ พึ่งสังเกตุว่ามีเต้นท์มากางอยู่ 2 เต้นท์ (มีคนนึงเห็นพายกล้องลายพลางทหาร เข้าป่าไปประมาณตี 5 ได้ น่าจะไปส่องสัตว์รึป่าว)
มีกระต่ายด้วย
หลังจากพักผ่อน กินข้าวเช้า เรียบร้อย จากนั้นเราก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกันต่อในวันที่ 2
เส้นทางจากนี้ไป จะเป็นทางลูกรัง และมีความแคบ ด้านขวาเป็นภูเขา และด้านซ้ายเป็นเหว แซมด้วยต้นไผ่ตลอดทาง เรามาด้วยรถกระบะ 3 คัน แต่ 1 ในนั้น เพื่อนของเราเป็นกระบะครับ แต่เป็นกระบะโหลดต่ำ แก้มเตี้ย เลยเป็นห่วง ก็เลยค่อยๆขับ ค่อยๆดูกันไป
ตรงนี้ถือว่าเราพลาดมาก เพราะทางข้างหน้าค่อนข้างจะกันดารพอสมควร หากรถไม่พร้อม เราก็ไม่ควรนำมา หรือเราควรจะจอดพักรถไว้ที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 ก็ได้
ตลอดเส้นทางปกคลุมไปด้วยใบไผ่ บางจุดคลุมจนไม่เห็นรอยล้อรถ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า เค้าใช้เส้นทางนี้กันเหรอ เพราะไม่เห็นมีรถคันไหนสวนทางลงมาเลย (เค้าไปกันอีกทางตะหากเล่า 555555+)
บางจุดเป็นเนินสูง ทางเหมือนโดนน้ำกัดเซาะ จนเหมือนไม่ใช่ทางรถวิ่ง รถเพื่อนเรานี่แทบจะมอบช่วงล่างให้แก่หุบเขาแห่งนี้กันเลยทีเดียว
แต่ใจสู้ ลุยต่อ
เห็นป้ายนี้แล้วน้ำตาจะไหล ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ สัญญาณเน็ตก็อย่าหวังว่าจะมี
จนกระทั้งเรามาถึงแยกศาลเลาดาห์แอร์ ตรงเครื่องบินตก (ถ่ายกะป้ายซะหน่อย)
ศาลเลาดาห์แอร์ เป็นอนุสรณ์ เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 767-300 ของสายการบินเลาดาห์แอร์ (LAUDA AIR) ตกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2534 บริเวณอุทยานแห่งชาติพุเตยนี้ มีพนักงานและผู้โดยสารบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด รวม 223 ชีวิต
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
"23 ปี Lauda Air เครื่องบินตก โศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในไทย"
บรรยากาศวังเวงพอสมควรเลย
(หลังจากที่กลับมาจากทริปนี้ แล้วลอง search ดูข้อมูลเกี่ยวกับ ศาลเลาดาห์แอร์ ได้เจอเรื่องเล่าหลอนๆ จากผู้มาเยือนหลายคนหลายเรื่องกันเลยทีเดียว บรื๋ยยย!! )
ถึงตรงนี้ เราคุยกันว่าจะไปต่อรึป่าว เพราะรถเพื่อนเราอีกคันเหมือนจะไม่ไหว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น อย่างเช่น ยางรั่ว รถดับ หรืออุบัตืเหตุอื่นๆ เพราะตั้งแต่ขับขึ้นมา ยังไม่เห็นเจอใครเลย แถมสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ถ้าไปถึงแล้วต้องกลับทางเดิมรึป่าว
แต่สรุปว่า ลองดูอีกหน่อยละกัน อีกไม่กี่กิโลเอง
ซักพักเราก็เดินทางไปถึง "ที่ทำการอุทยานพุเตย" (ใช้เวลาเดินทางจาก "หน่วยพิทักษ์อุทยานพุเตย 1" มา "ที่ทำการอุทยานพุเตย" ประมาณ 2 ชม. กว่าๆได้) จากนั้นเราก็เดินทางต่อ เพื่อไปยัง "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" และ "ยอดเขาเทวดา"
จากนี้ไปก็เป็นเส้นทางเข้าลาดยาง (บอกเลย น้ำตาจะไหล ) จนถึงถนนใหญ่ ขับตรงไปเรื่อยๆ ถึงสามแยกแล้วเลี้ยวขวา (ถ้าเมื่อวานนี้ เลี้ยวซ้ายตรงไฟแดง ก็คงถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อวานละ แหม่!!! ) จากนั้นก็ขับตามป้ายบอกทาง จนถึงทางขึน "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" และ "ยอดเขาเทวดา"
ความขรุขระของเส้นทาง คิดว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่กับที่ผ่านมา แต่ดูแล้วแคบกว่านิดหน่อย
บางช่วงจะเป็นถนนคอนกรีต อย่าพึ่งดีใจไป ที่เขาทำคอนกรีตไว้ เพราะเป็นเส้นทางที่สูงชันและอันตราย แนะนำว่าต้องขับให้ระวังกว่าปกติ (เส้นทางคร่าวๆ ดูตามคลิปด้านล่างนี้เลย)
และแล้ว เราก็ถึงซะที เย้!!!!!!! จากถนนใหญ่จนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯพุเตย 3 ตะเพินคี่ เราใช้เวลาขึ้นมาประมาณ 2 ชั่วโมง
ตรงนี้จะเก็บค่าผ่านเข้าอุทยาน
วันที่เรามานั้น มีคนขึ้นมากางเต้นท์อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เยอะมาก อุณหภูมิเมื่อคืนที่ผ่านมา 18 องศา กำลังดีเลย
ขอซักรูปก่อนละกัน
เห็นยอดภูเขาลูกนั้นมั๊ย นั่นแหละ เป้าหมายของเราในคืนนี้ "ยอดเขาเทวดา" ซูมให้เห็นยอดเจดีย์สีทองกันเลย
ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เขาแนะนำว่าให้ออกเดินทางไปยอดเขาเทวดา อย่างน้อยประมาณตอนตี 3 เพราะจะไปถึงยอดเขาประมาณ ตี 5 ถึง 6 โมงเช้าพอดี
.....จริงเหรอ เดินขึ้น 3 ชั่วโมงเลยเหรอ (ตกใจเบาๆ)
จากนั้น เราก็หาที่กางเต้นท์กันตามอัธยาศัย เก็บแรงไว้เพื่อเดินขึ้นไปยังยอดเขาเทวดากันคืนนี้
มีน้ำเปล่าให้ใช้ (แนะนำให้ใช้พอประมาณ เพื่อส่วนรวม) ห้องน้ำสะดวกสะอาด แยกชายหญิง
หมาภูเขา เราตั้งชื่อให้มันว่า "โทนี่"
"เห้!!! โทนี่ นั้นนายหิวเหรอ ชั้นมีอาหารนะ"
แอบถ่ายดาวที่นี่ก็สวยเหมือนกัน
เราตื่นนอนกันตอนตี 3 เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางกันตอนตี 3 ครึ่ง (ระหว่างนี้ ก็มีหลายกลุ่มได้ออกเดินทางไปก่อนแล้ว)
สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าไปทางไหน เจ้าหน้าที่บอก เดินตรงไป แล้วเลี้ยวขวา จากนั้นเลี้ยวซ้าย โอเคครับ จะลองดู
เดินตรงมาจากอุทยาน เจอป้ายเลี้ยวขวา
จากนั้นเลี้ยวซ้าย ตามป้ายเลย
แล้วก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ลัดเลาะสวนยาง ไร่สับปะรด ไร่ข้าวโพด จนถึงทางขึ้นเขา
ทริปนี้ พีคสุดนี่บอกเลย ตอนเดินขึ้นนี้แหละ ระยะแรกเป็นขั้นบันไดดินประมาณ 400 เมตร แต่หลังจากนั้น บันไดดินจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ และมีเชือกด้านข้างสำหรับไว้ดึงขึ้น
หลังจาก 400 เมตรขึ้นไป ตลอด 100 เมตร จะเริ่มมีที่นั่งพักตามทาง
ส่วนผมเหรอ หลังจาก 400 เมตรแรกผ่านไป ก็นั่งพักทุก 50 เมตรละครับ 555555+
เจอป้ายนี้แล้ว น้ำตาจะไหล เหลืออีก 200 เมตร ใกล้แล้วๆ (ตอนนี้ เวลา 5.30 น.)
พอเริ่มใกล้ยอดเขา อากาศจะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งลมพัดมาโดนเหงื่อ เย็นเยือกกันเลย
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงกันซะที ถึงตรงนี้เวลา 6.00 น.เป๊ะ!!! รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
ด้านบน มีชาวบ้านระแวกนี้ เอาดอกไม้ขึ้นมาขาย สำหรับไหว้องค์พระข้างบนนี้ด้วย ราคา 20 บาท และน้ำ มาม่า กาแฟ
ซักพัก เราก็ได้เห็นแสงแรกของวันนี้
เก็บภาพกันซักหน่อยครับ
ถ่ายรูปกันซักรูปหน่อยสิ.....แหม่!!!
จากนั้นเราก็เดินลงเขาแบบชิวๆ (ไม่เหมือนเดินขึ้นมาเลย 55555+)
พวกเมิงก็หวานไป แหม่!!!!!
สรุปทริปนี้สนุกมากครับ ถึงแม้วันที่เรามาจะไม่เจอทะเลหมอกหนาๆ แต่ข้างบนเขาก็หนาวดีแท้ ตื่นเต้นตลอดเส้นทางการเดินทาง
อยากจะบอกว่าสุพรรณมีสถานที่แบบนี้ด้วยนะครับ ถึงผู้คนจะยังไม่ค่อยรู้จักที่นี่เท่าไหร่ แต่ที่นี่จะอยู่ในใจเราเสมอครับ ^_^
หลังจากที่เพื่อนๆและผมช่วยกันหาที่เที่ยวในอินเตอร์เน็ตกัน เพื่อนผมคนนึงได้ไปเจอกับ รีวิวนึงในพันธุ์ทิพย์ "พุเตย...อุทยานฯโลกลืม" เพื่อนคนนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่า "ยอดเขาเทวดา เห้ย!! เมิงต้องไปให้ได้" โอเคครับ กุไปก็ได้ครับ
หลังจากนั้น เราก็ได้จัดเตรียมของ และศึกษาเส้นทางคร่าวๆ สำหรับเดินทางไปยัง "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" และ "ยอดเขาเทวดา"
ซึ่งเราศึกษาข้อมูลน้อยเกินไป ทำให้ทริปนี้เราได้เดินทางตาม GPS แบบงงๆ ไปยัง "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 และศาลเลาด้าห์"
ก่อนอื่น ขอเล่าให้ฟังก่อน คือ ในตอนที่เราไปกางเต้นบนอุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 1 ได้เจอกับลุงคนนึง (แกมาขอน้ำร้อน) แกเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นมาหลายรอบแล้ว เส้นทางขึ้นจริงๆ ที่แกเคยเดินทาง มีอยู่ 3 ทาง คือ
1.ก่อนถึงอำเภอด่านช้าง ให้เลี้ยวซ้าย จะเป็นทางลาดยางยาวๆ (ด้านปลักประดู่-ห้วยหินดำ) ไปจนถึงทางเข้า "ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" เส้นทางจะเดินทางสบายหน่อย นักท่องเที่ยวส่วนมากจะใช้เส้นทางนี้กัน
2.หากวิ่งตรงไปที่อำเภอด่านช้างจนถึงบ้านวังคัน (ด้านวังคัน-ป่าขี) จะเข้าไปที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 หากวิ่งตาม GPS ชี้ไปที่ "อุทยานแห่งชาติพุเตย" GPS มันจะชี้มาที่นี่แหละ (ซึ่งเราก็เดินทางตาม GPS มาตรงนี้ซะด้วยสิ )
3.ส่วนเส้นที่ 3 เราจำไม่ได้ว่าลุงคนนั้นบอกว่าทางไหน แต่แกบอกว่า จะเป็น ทาง Off Road หน่อย ไปแล้วเลี้ยวกลับยาก เพราะทางแคบพอดีรถ และจะโผล่มาที่เขาสน ทะลุลงมาตรง 3 แยกศาลเลาดาห์แอร์เลย (ไม่ผ่านหน่วยอุทยานไหนเลยว่างั้น)
จากแผนที่ด้านบน เส้นสีขาว คือ ทางลาดยาง ส่วน เส้นสีส้มๆ คือ ดินลูกรัง
หากเป็นรถยนต์ แนะนำให้ ใช้กระบะเท่านั้น ยิ่งกระบะยกสูงหรือ 4WD เลยยิ่งดี (แต่ก็เคยเห็นรถเก๋งวิ่งลงมานะ อันนี้ยอมจ้าา)
เราเดินทางมาช่วงกลางๆเดือนธันวาคม อากาศยังค่อนข้างจะเย็นๆหน่อย
เริ่มต้นวิ่งเข้าสุพรรณบุรี แวะซื้อกุ้งเผาก่อนเข้าสุพรรณบุรี ร้านเจ๊อ๊ายกุ้งใหญ่ แนะนำเลยว่า สดอร่อยมากครับ (ขอ facebook ไว้เลย คราวหน้าจะได้แวะถูก)
หลังจากเตรียมเสบียงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปทางอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
หากต้องการเดินทางไปที่ "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ และยอดเขาเทวดา" โดยไม่ผ่าน หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 และที่ 2 ให้เลี้ยวซ้ายที่ตรงนี้ได้เลย (แต่เราไม่ได้เลี้ยว เราเดินทางตรงต่อไปยัง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 )
หลังจากที่เราไม่ได้เลี้ยว และเดินทางตรงไปเรื่อยๆ ตาม GPS จนถึง หอนาฬิกาบรรหารแจ่มใส
เห็นป้ายอุทยานแห่งชาติพุเตยแล้ว
เรามาเลี้ยวซ้ายเข้าไปตำบลวังยาว ตรงปากทางจะมีร้านค้าสำหรับซื้อของอีกจุดนึง สามารถซื้ออาหารและของใช้จากตรงนี้ได้เหมือนกันครับ
หรือขับรถเข้าไปอีก จนถึงหมู่บ้านกกตาด ตรงนี้จะมีตลาดสด ตั้งอยู่ที่วัดกกตาด สามารถเลือกซื้ออาหารต่างๆได้จากตรงนี้ได้เหมือนกันครับ
จากนั้น เราก็เดินทางกันต่อ เพื่อไปยัง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1
บรรยากาศดีมากเลย
ในที่สุดเราก็ถึง หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 ตรงนี้จะเก็บค่าผ่านเข้าอุทยาน
แผนที่การเดินทางบนอุทยานแห่งชาติพุเตยครับ
มาถึงตรงนี้เป็นเวลาบ่าย 4 แล้ว สรุปแล้ว เรามากางเต้นนอนกันที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 และวางแผนกันใหม่ที่จะเดินทางอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
อากาศตรงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 ยามค่ำมานี่ หนาวเย็นกันเลยทีเดียว ( ถ่ายดาวได้ด้วย )
มีลุงคนนึงมาขอน้ำร้อน แกเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นมานี่ตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว ทางขึ้นมามี 3 ทาง (อย่างที่เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น) และแกเล่าไปอีกว่า แต่ก่อนถ้าจำไม่ผิดประมาณปี 2537 ได้ แกกับเพื่อนๆ ไปตั้งเต้นท์อยู่บนเขาสน แกก็กินเหล้ายาปลาปิ้งไปตามประสาวัยรุ่นทั่วไป จนตกดึกมา ต่างคนก็ต่างเมา แกก็เห็นเพื่อนแกเดินไปเยี่ยว และก็เหมือนยืนคุยอยู่คนเดียว เป็นเรื่องเป็นราว ลุงแกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเมาแล้วเพ้อไป ก็พากันกินต่อจนพากันเข้าเต้นท์นอนกันไป ตื่นเช้ามา ลุงแกเลยถามเพื่อนว่าคุยกะใครวะเมื่อคืน เพื่อนแกก็เล่าให้ฟังว่า ไม่รู้ว่ะ น่าจะเป็นชาวบ้านมั๊ง มาชวนคุย ลุงบอกขนลุกเลย เพราะใครๆก็เห็นว่าคุยอยู่คนเดียว ก็หลอนกันไปเลย
ตอนเช้าๆ พึ่งสังเกตุว่ามีเต้นท์มากางอยู่ 2 เต้นท์ (มีคนนึงเห็นพายกล้องลายพลางทหาร เข้าป่าไปประมาณตี 5 ได้ น่าจะไปส่องสัตว์รึป่าว)
มีกระต่ายด้วย
หลังจากพักผ่อน กินข้าวเช้า เรียบร้อย จากนั้นเราก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกันต่อในวันที่ 2
เส้นทางจากนี้ไป จะเป็นทางลูกรัง และมีความแคบ ด้านขวาเป็นภูเขา และด้านซ้ายเป็นเหว แซมด้วยต้นไผ่ตลอดทาง เรามาด้วยรถกระบะ 3 คัน แต่ 1 ในนั้น เพื่อนของเราเป็นกระบะครับ แต่เป็นกระบะโหลดต่ำ แก้มเตี้ย เลยเป็นห่วง ก็เลยค่อยๆขับ ค่อยๆดูกันไป
ตรงนี้ถือว่าเราพลาดมาก เพราะทางข้างหน้าค่อนข้างจะกันดารพอสมควร หากรถไม่พร้อม เราก็ไม่ควรนำมา หรือเราควรจะจอดพักรถไว้ที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 1 ก็ได้
ตลอดเส้นทางปกคลุมไปด้วยใบไผ่ บางจุดคลุมจนไม่เห็นรอยล้อรถ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า เค้าใช้เส้นทางนี้กันเหรอ เพราะไม่เห็นมีรถคันไหนสวนทางลงมาเลย (เค้าไปกันอีกทางตะหากเล่า 555555+)
บางจุดเป็นเนินสูง ทางเหมือนโดนน้ำกัดเซาะ จนเหมือนไม่ใช่ทางรถวิ่ง รถเพื่อนเรานี่แทบจะมอบช่วงล่างให้แก่หุบเขาแห่งนี้กันเลยทีเดียว
แต่ใจสู้ ลุยต่อ
เห็นป้ายนี้แล้วน้ำตาจะไหล ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ สัญญาณเน็ตก็อย่าหวังว่าจะมี
จนกระทั้งเรามาถึงแยกศาลเลาดาห์แอร์ ตรงเครื่องบินตก (ถ่ายกะป้ายซะหน่อย)
ศาลเลาดาห์แอร์ เป็นอนุสรณ์ เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 767-300 ของสายการบินเลาดาห์แอร์ (LAUDA AIR) ตกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2534 บริเวณอุทยานแห่งชาติพุเตยนี้ มีพนักงานและผู้โดยสารบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด รวม 223 ชีวิต
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
"23 ปี Lauda Air เครื่องบินตก โศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในไทย"
บรรยากาศวังเวงพอสมควรเลย
(หลังจากที่กลับมาจากทริปนี้ แล้วลอง search ดูข้อมูลเกี่ยวกับ ศาลเลาดาห์แอร์ ได้เจอเรื่องเล่าหลอนๆ จากผู้มาเยือนหลายคนหลายเรื่องกันเลยทีเดียว บรื๋ยยย!! )
ถึงตรงนี้ เราคุยกันว่าจะไปต่อรึป่าว เพราะรถเพื่อนเราอีกคันเหมือนจะไม่ไหว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น อย่างเช่น ยางรั่ว รถดับ หรืออุบัตืเหตุอื่นๆ เพราะตั้งแต่ขับขึ้นมา ยังไม่เห็นเจอใครเลย แถมสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ถ้าไปถึงแล้วต้องกลับทางเดิมรึป่าว
แต่สรุปว่า ลองดูอีกหน่อยละกัน อีกไม่กี่กิโลเอง
ซักพักเราก็เดินทางไปถึง "ที่ทำการอุทยานพุเตย" (ใช้เวลาเดินทางจาก "หน่วยพิทักษ์อุทยานพุเตย 1" มา "ที่ทำการอุทยานพุเตย" ประมาณ 2 ชม. กว่าๆได้) จากนั้นเราก็เดินทางต่อ เพื่อไปยัง "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" และ "ยอดเขาเทวดา"
จากนี้ไปก็เป็นเส้นทางเข้าลาดยาง (บอกเลย น้ำตาจะไหล ) จนถึงถนนใหญ่ ขับตรงไปเรื่อยๆ ถึงสามแยกแล้วเลี้ยวขวา (ถ้าเมื่อวานนี้ เลี้ยวซ้ายตรงไฟแดง ก็คงถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อวานละ แหม่!!! ) จากนั้นก็ขับตามป้ายบอกทาง จนถึงทางขึน "หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พุเตยที่ 3 ตะเพินคี่" และ "ยอดเขาเทวดา"
ความขรุขระของเส้นทาง คิดว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่กับที่ผ่านมา แต่ดูแล้วแคบกว่านิดหน่อย
บางช่วงจะเป็นถนนคอนกรีต อย่าพึ่งดีใจไป ที่เขาทำคอนกรีตไว้ เพราะเป็นเส้นทางที่สูงชันและอันตราย แนะนำว่าต้องขับให้ระวังกว่าปกติ (เส้นทางคร่าวๆ ดูตามคลิปด้านล่างนี้เลย)
และแล้ว เราก็ถึงซะที เย้!!!!!!! จากถนนใหญ่จนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯพุเตย 3 ตะเพินคี่ เราใช้เวลาขึ้นมาประมาณ 2 ชั่วโมง
ตรงนี้จะเก็บค่าผ่านเข้าอุทยาน
วันที่เรามานั้น มีคนขึ้นมากางเต้นท์อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เยอะมาก อุณหภูมิเมื่อคืนที่ผ่านมา 18 องศา กำลังดีเลย
ขอซักรูปก่อนละกัน
เห็นยอดภูเขาลูกนั้นมั๊ย นั่นแหละ เป้าหมายของเราในคืนนี้ "ยอดเขาเทวดา" ซูมให้เห็นยอดเจดีย์สีทองกันเลย
ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เขาแนะนำว่าให้ออกเดินทางไปยอดเขาเทวดา อย่างน้อยประมาณตอนตี 3 เพราะจะไปถึงยอดเขาประมาณ ตี 5 ถึง 6 โมงเช้าพอดี
.....จริงเหรอ เดินขึ้น 3 ชั่วโมงเลยเหรอ (ตกใจเบาๆ)
จากนั้น เราก็หาที่กางเต้นท์กันตามอัธยาศัย เก็บแรงไว้เพื่อเดินขึ้นไปยังยอดเขาเทวดากันคืนนี้
มีน้ำเปล่าให้ใช้ (แนะนำให้ใช้พอประมาณ เพื่อส่วนรวม) ห้องน้ำสะดวกสะอาด แยกชายหญิง
หมาภูเขา เราตั้งชื่อให้มันว่า "โทนี่"
"เห้!!! โทนี่ นั้นนายหิวเหรอ ชั้นมีอาหารนะ"
แอบถ่ายดาวที่นี่ก็สวยเหมือนกัน
เราตื่นนอนกันตอนตี 3 เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางกันตอนตี 3 ครึ่ง (ระหว่างนี้ ก็มีหลายกลุ่มได้ออกเดินทางไปก่อนแล้ว)
สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าไปทางไหน เจ้าหน้าที่บอก เดินตรงไป แล้วเลี้ยวขวา จากนั้นเลี้ยวซ้าย โอเคครับ จะลองดู
เดินตรงมาจากอุทยาน เจอป้ายเลี้ยวขวา
จากนั้นเลี้ยวซ้าย ตามป้ายเลย
แล้วก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ลัดเลาะสวนยาง ไร่สับปะรด ไร่ข้าวโพด จนถึงทางขึ้นเขา
ทริปนี้ พีคสุดนี่บอกเลย ตอนเดินขึ้นนี้แหละ ระยะแรกเป็นขั้นบันไดดินประมาณ 400 เมตร แต่หลังจากนั้น บันไดดินจะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ และมีเชือกด้านข้างสำหรับไว้ดึงขึ้น
หลังจาก 400 เมตรขึ้นไป ตลอด 100 เมตร จะเริ่มมีที่นั่งพักตามทาง
ส่วนผมเหรอ หลังจาก 400 เมตรแรกผ่านไป ก็นั่งพักทุก 50 เมตรละครับ 555555+
เจอป้ายนี้แล้ว น้ำตาจะไหล เหลืออีก 200 เมตร ใกล้แล้วๆ (ตอนนี้ เวลา 5.30 น.)
พอเริ่มใกล้ยอดเขา อากาศจะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งลมพัดมาโดนเหงื่อ เย็นเยือกกันเลย
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงกันซะที ถึงตรงนี้เวลา 6.00 น.เป๊ะ!!! รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
ด้านบน มีชาวบ้านระแวกนี้ เอาดอกไม้ขึ้นมาขาย สำหรับไหว้องค์พระข้างบนนี้ด้วย ราคา 20 บาท และน้ำ มาม่า กาแฟ
ซักพัก เราก็ได้เห็นแสงแรกของวันนี้
เก็บภาพกันซักหน่อยครับ
ถ่ายรูปกันซักรูปหน่อยสิ.....แหม่!!!
จากนั้นเราก็เดินลงเขาแบบชิวๆ (ไม่เหมือนเดินขึ้นมาเลย 55555+)
พวกเมิงก็หวานไป แหม่!!!!!
สรุปทริปนี้สนุกมากครับ ถึงแม้วันที่เรามาจะไม่เจอทะเลหมอกหนาๆ แต่ข้างบนเขาก็หนาวดีแท้ ตื่นเต้นตลอดเส้นทางการเดินทาง
อยากจะบอกว่าสุพรรณมีสถานที่แบบนี้ด้วยนะครับ ถึงผู้คนจะยังไม่ค่อยรู้จักที่นี่เท่าไหร่ แต่ที่นี่จะอยู่ในใจเราเสมอครับ ^_^