วัดป่าภูก้อน นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการรักษาความสมบูรณ์และความสุขภาพของป่าไม้ธรรมชาติในเมืองไทย โดยเริ่มขึ้นจากความดำริของพุทธบริษัทผู้ที่หวังดีและตระหนักถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของป่าไม้ที่กำลังถูกทำลายในยุคปัจจุบัน วัดป่าภูก้อน เป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงการรวมมือกันเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ โดยปฏิบัติตามการสอนของพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการรักษาและฟื้นฟูป่าไม้ต้นน้ำลำธาร ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ นอกจากนี้ วัดป่าภูก้อน ยังมุ่งเน้นการปกป้องสัตว์ป่าและพรรณไม้นานาพันธุ์ หวังว่าจะสามารถส่งต่อความสุขสันต์และความงามของธรรมชาติให้กับลูกหลานและคนไทยในอนาคต ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความสำนึกในคุณค่าของพระธรรมและพุทธศาสนา ทำให้ความเชื่อและการปฏิบัติตามศาสนาได้เจริญเติบโตและมั่งคงในใจของคนไทยตลอดกาลนานไร้วันสิ้นสุด
การก่อสร้างวัดป่าภูก้อนในเขตภูเขาสูงๆ เป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาและความพยายามอันดำเนินต่อเนื่องของชุมชนและผู้ศรัทธาทั้งหลายที่อยู่ในพื้นที่นั้น วัดป่าภูก้อนไม่เพียงแต่เป็นที่ประดิษฐ์ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางวิชาการและการศึกษาที่สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนใกล้เคียง
การก่อสร้างวัดป่าภูก้อนได้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.2527 ด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจจากครอบครัวของนายโอฬาร และนางปิยวรรณ วีรวรรณ ซึ่งต้องขอบคุณในการเมตตาอนุเคราะห์ให้คำแนะนำปรึกษาจากพระเถราจารย์ฝ่ายวิปัสสนาธุระในภูมิภาคอิสานหลายองค์ ทั้งนี้เพื่อให้วัดป่าภูก้อนนั้นเป็นที่ประดิษฐ์ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกสมาธิและการศึกษาวิปัสสนาธุระ
สิ่งที่น่ายืนยันคือ การก่อสร้างวัดป่าภูก้อนนี้ได้รับความร่วมมือร่วมใจของพุทธบริษัทหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทรัพย์สิน, แรงงาน, หรือแม้กระทั่งความรู้และทักษะทางศาสนา การที่วัดป่าภูก้อนสามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาได้สำเร็จลุล่วงในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.2539 เป็นผลมาจากความประสานใจและความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
วัดป่าภูก้อนเป็นวัดที่ตั้งอยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง - น้ำโสม และตั้งอยู่ที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี วัดป่าภูก้อนเป็นวัดที่ได้รับการยอมรับว่าได้ตามหลักและระเบียบของกรมการศาสนาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และในปีถัดมา ได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้เข้ามาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ภายในเขตวัด และต่อมาได้จัดตั้งพุทธอุทยานบนเนื้อที่กว่า 1000 ไร่ ภายในวัดป่าภูก้อน หลังจากนั้นเพียงไม่นาน วัดได้รับขนานนามว่า "พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาที่มีในพื้นที่ของวัดป่าภูก้อนนี้
วัดป่าภูก้อนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระวิหารสุดยิ่งใหญ่ภายในเขตวัด ภายในพระวิหารนี้ตกแต่งด้วยเรื่องราวของพุทธประวัติ โดดเด่นที่สุดคือพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว ความยาวถึง 20 เมตร นอกจากว่าหินอ่อนนี้มีความสวยงามแล้ว ยังเป็นหินที่ทนทานมาก เนื่องจากมีคุณภาพเยี่ยม
การสร้างพระพุทธไสยาสน์นี้ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 6 ปี และได้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ดังนั้น พระพุทธไสยาสน์ภายในวัดป่าภูก้อนนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศิลป์ของรัชกาลที่ 9 เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธา และพระคุณของประชาชนที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัว และพระศาสนาพุทธ ที่วัดป่าภูก้อน
วัดป่าภูก้อน นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการรักษาความสมบูรณ์และความสุขภาพของป่าไม้ธรรมชาติในเมืองไทย โดยเริ่มขึ้นจากความดำริของพุทธบริษัทผู้ที่หวังดีและตระหนักถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของป่าไม้ที่กำลังถูกทำลายในยุคปัจจุบัน วัดป่าภูก้อน เป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงการรวมมือกันเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ โดยปฏิบัติตามการสอนของพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการรักษาและฟื้นฟูป่าไม้ต้นน้ำลำธาร ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ นอกจากนี้ วัดป่าภูก้อน ยังมุ่งเน้นการปกป้องสัตว์ป่าและพรรณไม้นานาพันธุ์ หวังว่าจะสามารถส่งต่อความสุขสันต์และความงามของธรรมชาติให้กับลูกหลานและคนไทยในอนาคต ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความสำนึกในคุณค่าของพระธรรมและพุทธศาสนา ทำให้ความเชื่อและการปฏิบัติตามศาสนาได้เจริญเติบโตและมั่งคงในใจของคนไทยตลอดกาลนานไร้วันสิ้นสุด
การก่อสร้างวัดป่าภูก้อนในเขตภูเขาสูงๆ เป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาและความพยายามอันดำเนินต่อเนื่องของชุมชนและผู้ศรัทธาทั้งหลายที่อยู่ในพื้นที่นั้น วัดป่าภูก้อนไม่เพียงแต่เป็นที่ประดิษฐ์ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางวิชาการและการศึกษาที่สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนใกล้เคียง
การก่อสร้างวัดป่าภูก้อนได้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ.2527 ด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจจากครอบครัวของนายโอฬาร และนางปิยวรรณ วีรวรรณ ซึ่งต้องขอบคุณในการเมตตาอนุเคราะห์ให้คำแนะนำปรึกษาจากพระเถราจารย์ฝ่ายวิปัสสนาธุระในภูมิภาคอิสานหลายองค์ ทั้งนี้เพื่อให้วัดป่าภูก้อนนั้นเป็นที่ประดิษฐ์ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกสมาธิและการศึกษาวิปัสสนาธุระ
สิ่งที่น่ายืนยันคือ การก่อสร้างวัดป่าภูก้อนนี้ได้รับความร่วมมือร่วมใจของพุทธบริษัทหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทรัพย์สิน, แรงงาน, หรือแม้กระทั่งความรู้และทักษะทางศาสนา การที่วัดป่าภูก้อนสามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาได้สำเร็จลุล่วงในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.2539 เป็นผลมาจากความประสานใจและความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
วัดป่าภูก้อนเป็นวัดที่ตั้งอยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง - น้ำโสม และตั้งอยู่ที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี วัดป่าภูก้อนเป็นวัดที่ได้รับการยอมรับว่าได้ตามหลักและระเบียบของกรมการศาสนาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และในปีถัดมา ได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้เข้ามาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ภายในเขตวัด และต่อมาได้จัดตั้งพุทธอุทยานบนเนื้อที่กว่า 1000 ไร่ ภายในวัดป่าภูก้อน หลังจากนั้นเพียงไม่นาน วัดได้รับขนานนามว่า "พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาที่มีในพื้นที่ของวัดป่าภูก้อนนี้
วัดป่าภูก้อนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระวิหารสุดยิ่งใหญ่ภายในเขตวัด ภายในพระวิหารนี้ตกแต่งด้วยเรื่องราวของพุทธประวัติ โดดเด่นที่สุดคือพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว ความยาวถึง 20 เมตร นอกจากว่าหินอ่อนนี้มีความสวยงามแล้ว ยังเป็นหินที่ทนทานมาก เนื่องจากมีคุณภาพเยี่ยม
การสร้างพระพุทธไสยาสน์นี้ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 6 ปี และได้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ดังนั้น พระพุทธไสยาสน์ภายในวัดป่าภูก้อนนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศิลป์ของรัชกาลที่ 9 เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธา และพระคุณของประชาชนที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัว และพระศาสนาพุทธ ที่วัดป่าภูก้อน