วัดไชโยวรวิหาร หรือ วัดเกษไชโยวรวิหาร หรือ วัดไชโย ตั้งอยู่ที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง และถือเป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับวัดสระเกษ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมและศิลปะ สำหรับวัดไชโย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีการคาดการณ์ว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นยุคเดียวกับที่วัดสระเกษก็มีการสร้างขึ้น
ในสมัยรัชกาลที่ 4 วัดไชโยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี ได้มาสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นปูนขาวไม่ปิดทอง ตั้งอยู่กลางแจ้ง ประติมากรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาเยือน เช่นเดียวกับประติมากรรมสำคัญที่วัดสระเกษ ที่มีผู้คนสนใจเยี่ยมชมไม่แพ้กัน
ในสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีการทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดไชโยขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและความสำคัญไม่แพ้วัดสระเกษในกรุงเทพมหานคร ระหว่างการก่อสร้างพระวิหารภายในวัดไชโย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้องค์หลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่และเป็นที่เคารพนับถืออย่างมาก ได้รับความเสียหายจากแรงสั่นของการก่อสร้าง ด้วยความห่วงใยและเป็นการรักษาความเคารพต่อพระพุทธศาสนา รัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการสร้างหลวงพ่อโตขึ้นใหม่ โดยมีการพระราชทานนามใหม่ว่า "พระมหาพุทธพิมพ์" และได้ทำการประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหม่นี้ไว้ภายในพระวิหารของวัดไชโย ซึ่งเป็นการสานต่อประเพณีและศิลปะการสร้างพระพุทธรูปที่มีความสำคัญและเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากในประเทศไทย อย่างที่เห็นได้จากพระพุทธรูปอันทรงคุณค่าในวัดสระเกษ ณ กรุงเทพมหานคร การฟื้นฟูและสร้างสรรค์พระพุทธรูปองค์ใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นในพุทธศาสนาและความศรัทธาของประชาชนไทยด้วย
วัดไชโยวรวิหาร หรือ วัดเกษไชโยวรวิหาร หรือ วัดไชโย ตั้งอยู่ที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง และถือเป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับวัดสระเกษ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมและศิลปะ สำหรับวัดไชโย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีการคาดการณ์ว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นยุคเดียวกับที่วัดสระเกษก็มีการสร้างขึ้น
ในสมัยรัชกาลที่ 4 วัดไชโยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี ได้มาสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นปูนขาวไม่ปิดทอง ตั้งอยู่กลางแจ้ง ประติมากรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาเยือน เช่นเดียวกับประติมากรรมสำคัญที่วัดสระเกษ ที่มีผู้คนสนใจเยี่ยมชมไม่แพ้กัน
ในสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีการทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดไชโยขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและความสำคัญไม่แพ้วัดสระเกษในกรุงเทพมหานคร ระหว่างการก่อสร้างพระวิหารภายในวัดไชโย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้องค์หลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่และเป็นที่เคารพนับถืออย่างมาก ได้รับความเสียหายจากแรงสั่นของการก่อสร้าง ด้วยความห่วงใยและเป็นการรักษาความเคารพต่อพระพุทธศาสนา รัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการสร้างหลวงพ่อโตขึ้นใหม่ โดยมีการพระราชทานนามใหม่ว่า "พระมหาพุทธพิมพ์" และได้ทำการประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหม่นี้ไว้ภายในพระวิหารของวัดไชโย ซึ่งเป็นการสานต่อประเพณีและศิลปะการสร้างพระพุทธรูปที่มีความสำคัญและเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากในประเทศไทย อย่างที่เห็นได้จากพระพุทธรูปอันทรงคุณค่าในวัดสระเกษ ณ กรุงเทพมหานคร การฟื้นฟูและสร้างสรรค์พระพุทธรูปองค์ใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นในพุทธศาสนาและความศรัทธาของประชาชนไทยด้วย