วัดท่าอิฐ เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ ในอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง วัดนี้มีประวัติอันยาวนานซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2304 ตามความเชื่อที่ถูกสันนิษฐานไว้ บริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นสถานที่ในการปั้นและเผาอิฐ เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล ที่มีชื่อเสียง การทำอิฐในบริเวณนี้นั้นมีบทบาทสำคัญมาก จนได้ชื่อว่า "ท่าขนอิฐ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่มาของชื่อ "วัดท่าอิฐ" ในปัจจุบัน
วัดท่าอิฐไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมและศิลปะในอดีต โดยเฉพาะในด้านการทำอิฐ ซึ่งเป็นหัตถกรรมท้องถิ่นที่มีความละเอียดอ่อนและเชี่ยวชาญ การสืบทอดงานฝีมือและเทคนิคในการผลิตอิฐเหล่านี้ยังคงถูกเล่าขานและถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่น ทำให้วัดท่าอิฐไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจ แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และรักษามรดกวัฒนธรรมไทยอันล้ำค่าไว้ด้วย
ในปัจจุบัน วัดท่าอิฐยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่มาเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่น่าทึ่งของวัดนี้ การเยี่ยมชมวัดท่าอิฐจึงไม่เพียงแต่เป็นการเยี่ยมชมสถานที่ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่น
พระครูสุคนธศีลคุณ (หลวงพ่อหอม) มีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในบริเวณวัดท่าอิฐ โดยมีขนาดที่น่าประทับใจ คือกว้าง 40 เมตรและสูงถึง 58 เมตร เจดีย์แห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปปางต่างๆ ซึ่งจะประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ที่วัดท่าอิฐ
หลวงพ่อหอมมีความมุ่งมั่นในการสร้างเจดีย์นี้ โดยตั้งสัจจะอธิษฐานว่าจะถวายเจดีย์เป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยความเมตตาของพระองค์ท่าน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเจดีย์นี้ว่า "พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง" ซึ่งเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งใหญ่และเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาและความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในชุมชนที่วัดท่าอิฐและนักธุรกิจที่มาเยือน
วัดท่าอิฐ เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ ในอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง วัดนี้มีประวัติอันยาวนานซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2304 ตามความเชื่อที่ถูกสันนิษฐานไว้ บริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นสถานที่ในการปั้นและเผาอิฐ เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล ที่มีชื่อเสียง การทำอิฐในบริเวณนี้นั้นมีบทบาทสำคัญมาก จนได้ชื่อว่า "ท่าขนอิฐ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่มาของชื่อ "วัดท่าอิฐ" ในปัจจุบัน
วัดท่าอิฐไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมและศิลปะในอดีต โดยเฉพาะในด้านการทำอิฐ ซึ่งเป็นหัตถกรรมท้องถิ่นที่มีความละเอียดอ่อนและเชี่ยวชาญ การสืบทอดงานฝีมือและเทคนิคในการผลิตอิฐเหล่านี้ยังคงถูกเล่าขานและถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่น ทำให้วัดท่าอิฐไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจ แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และรักษามรดกวัฒนธรรมไทยอันล้ำค่าไว้ด้วย
ในปัจจุบัน วัดท่าอิฐยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่มาเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่น่าทึ่งของวัดนี้ การเยี่ยมชมวัดท่าอิฐจึงไม่เพียงแต่เป็นการเยี่ยมชมสถานที่ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่น
พระครูสุคนธศีลคุณ (หลวงพ่อหอม) มีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในบริเวณวัดท่าอิฐ โดยมีขนาดที่น่าประทับใจ คือกว้าง 40 เมตรและสูงถึง 58 เมตร เจดีย์แห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปปางต่างๆ ซึ่งจะประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ที่วัดท่าอิฐ
หลวงพ่อหอมมีความมุ่งมั่นในการสร้างเจดีย์นี้ โดยตั้งสัจจะอธิษฐานว่าจะถวายเจดีย์เป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยความเมตตาของพระองค์ท่าน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเจดีย์นี้ว่า "พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง" ซึ่งเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งใหญ่และเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาและความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในชุมชนที่วัดท่าอิฐและนักธุรกิจที่มาเยือน