หอระฆังไม้ วัดศรีบุญเรือง ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านนาแบก ตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นสัญลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสาน ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานและทรงคุณค่าสูงในด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นนี้ ในอดีตวัดศรีบุญเรืองเคยมีชื่อเรียกว่า "วัดนาแบก" และได้รับการสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2454
รูปแบบศิลปกรรมของหอระฆังไม้แห่งนี้เน้นไปที่ลักษณะพื้นถิ่นแบบอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี พ.ศ.2502 - 2504 ที่จัดการก่อสร้างอีกครั้ง โดยมีลักษณะเด่นที่เป็นหอระฆังที่สร้างด้วยไม้ รูปทรงสี่เหลี่ยม หลังคามีชั้นลดหลั่นกันเป็น 3 ชั้น โดยที่ 2 ชั้นล่างสร้างในทรงจตุรมุข (หน้าจั่ว 4 ด้าน) และประดับด้วยลวดลายไม้ฉลุลายเครือเถาและลายกระหนกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ด้วยลักษณะที่มี 4 ชั้น แต่ละชั้นนั้นได้ปูพื้นด้วยไม้กระดานและต่อกันด้วยบันไดที่ออกแบบมาอย่างละเอียด ในการสร้างเสาที่เป็นรองรับสำหรับหอระฆัง มี 4 เสา แต่ละเสามีระยะห่างกันประมาณ 2.10 เมตร ในขณะที่ขนาดเส้นรอบวงของหอระฆังเป็นประมาณ 1.15 เมตร
แต่ก็เป็นเรื่องเสียดายที่หอระฆังไม้ วัดศรีบุญเรือง แห่งนี้ ในปัจจุบันได้หยุดการใช้งาน แต่ก็ยังถูกอนุรักษ์เป็นสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่นให้ยืนยาวไปในอนาคต
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณและกำหนดขอบเขตตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกสา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 17ง วันที่ 17 มีนาคม 2542 โดยพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมีขนาดประมาณ 3 งาน 88 ตารางวา ในส่วนหนึ่งของพื้นที่นี้ สถานที่ที่มีความสำคัญและน่าสนใจคือ "หอระฆังไม้ วัดศรีบุญเรือง" ซึ่งเป็นหอระฆังที่สร้างจากไม้ และเป็นสัญลักษณ์ของวัดศรีบุญเรือง การที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนพื้นที่นี้เป็นโบราณสถาน เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของพื้นที่และสถานที่ว่ามีค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมสูง
หอระฆังไม้ วัดศรีบุญเรือง ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านนาแบก ตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นสัญลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสาน ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานและทรงคุณค่าสูงในด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นนี้ ในอดีตวัดศรีบุญเรืองเคยมีชื่อเรียกว่า "วัดนาแบก" และได้รับการสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2454
รูปแบบศิลปกรรมของหอระฆังไม้แห่งนี้เน้นไปที่ลักษณะพื้นถิ่นแบบอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี พ.ศ.2502 - 2504 ที่จัดการก่อสร้างอีกครั้ง โดยมีลักษณะเด่นที่เป็นหอระฆังที่สร้างด้วยไม้ รูปทรงสี่เหลี่ยม หลังคามีชั้นลดหลั่นกันเป็น 3 ชั้น โดยที่ 2 ชั้นล่างสร้างในทรงจตุรมุข (หน้าจั่ว 4 ด้าน) และประดับด้วยลวดลายไม้ฉลุลายเครือเถาและลายกระหนกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ด้วยลักษณะที่มี 4 ชั้น แต่ละชั้นนั้นได้ปูพื้นด้วยไม้กระดานและต่อกันด้วยบันไดที่ออกแบบมาอย่างละเอียด ในการสร้างเสาที่เป็นรองรับสำหรับหอระฆัง มี 4 เสา แต่ละเสามีระยะห่างกันประมาณ 2.10 เมตร ในขณะที่ขนาดเส้นรอบวงของหอระฆังเป็นประมาณ 1.15 เมตร
แต่ก็เป็นเรื่องเสียดายที่หอระฆังไม้ วัดศรีบุญเรือง แห่งนี้ ในปัจจุบันได้หยุดการใช้งาน แต่ก็ยังถูกอนุรักษ์เป็นสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่นให้ยืนยาวไปในอนาคต
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณและกำหนดขอบเขตตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกสา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 17ง วันที่ 17 มีนาคม 2542 โดยพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมีขนาดประมาณ 3 งาน 88 ตารางวา ในส่วนหนึ่งของพื้นที่นี้ สถานที่ที่มีความสำคัญและน่าสนใจคือ "หอระฆังไม้ วัดศรีบุญเรือง" ซึ่งเป็นหอระฆังที่สร้างจากไม้ และเป็นสัญลักษณ์ของวัดศรีบุญเรือง การที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนพื้นที่นี้เป็นโบราณสถาน เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของพื้นที่และสถานที่ว่ามีค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมสูง