ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง บางปู
หน้าแรก » จังหวัดสมุทรปราการ » อำเภอบางพลี » ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง บางปู| แบ่งปันไปยัง : |
|
|
"ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง" นับเป็นศาลเจ้าประจำมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ ที่ประดิษฐานด้วยความศรัทธาอันแน่นแฟ้นในเทพเจ้าโหงว เริ่มต้นการสร้างในปี พ.ศ. 2534 ด้วยฝีมือช่างศิลปกรรมแบบจีนที่โดดเด่นด้วยสีสันอันสดใส และการแกะสลักไม้ หิน รวมถึงปูนปั้นเพื่อสร้างรูปเทพเจ้าและสัตว์นานาชนิดอย่างประณีตและสวยงาม เป็นการผสานความงามทางศิลปะกับความศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างลงตัว ศาลเจ้าแห่งนี้มีความโดดเด่นด้วยความใหญ่โตและโอ่โถง แตกต่างจากศาลเจ้าทั่วไปที่เห็นในเมืองใหญ่ ๆ มีความเป็นมงคลและเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในหมู่ผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยียน การเดินทางไปยังศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกงจึงเป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจและเป็นการเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และศาสนาจีนได้อย่างลึกซึ้ง
ลักษณะและการเดินทางไปยังศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง
ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกงบางปู ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิทสายเก่า ห่างจากวัดอโศการามประมาณ 2 กิโลเมตร ศาลเจ้านี้ ที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยว่า "มูลนิธิธรรมกตัญญู" เป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 26 ไร่ ที่ตั้งของศาลเจ้าอยู่ใกล้กับสะพานทางแยก จากสะพานทางแยกเข้าเมืองโบราณไปประมาณ 500 เมตร และก่อนถึงนิคมอุตสาหกรรมบางปู ผู้ที่จะเดินทางไปยังศาลเจ้านี้ ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไป จากนั้นจะพบกับอาคารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย ต้องเดินทางผ่านไปอีกประมาณ 500 เมตร จึงจะพบกับศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกงที่ตั้งอยู่ทางขวามือ
ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง เป็นที่เคารพนับถือของชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงและผู้ที่นับถือศาสนาเต๋า ศาลเจ้านี้มีการสร้างและออกแบบให้มีความสวยงาม โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีการตกแต่งด้วยสีและลวดลายที่อลังการ เป็นสถานที่ที่ทั้งสงบและงดงาม ที่ซึ่งผู้คนมักมาเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนา และเพื่อค้นหาความสงบใจในบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามของศาลเจ้า
วัดบางพลีใหญ่กลาง (วัดพระนอน) ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ถูกสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2367 มีชื่อเสียงจากการประดิษฐานสมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความยาวประมาณ 53 เมตร และถูกคลุมด้วยพระวิหารที่สูงเท่าตึก 4 ชั้น ภายในพระวิหารมีห้องปฏิบัติธรรม, เสา, และผนังที่ตกแต่งด้วยภาพวาดเกี่ยวกับเทวดา นรก สวรรค์ และคำสอนพระพุทธศาสนา หัวใจพระนอนอยู่ที่ชั้น 4 ของพระวิหาร ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ผู้คนนิยมไปปิดทองและกราบไหว้เพื่อขอพร
ประวัติของวัดวัดบางพลีใหญ่กลาง(วัดพระนอน)
เรื่องราวของวัดบางพลีใหญ่กลางนับเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจและมีความสำคัญต่อชุมชนและประเทศไทย วัดนี้ได้รับวิสุคามสีมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่สงวนไว้สำหรับการปฏิบัติธรรม ด้วยขนาดกว้าง 40 เมตร และยาว 80 เมตร วัดนี้ยังมีบทบาทสำคัญในด้านการศึกษา โดยได้จัดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมอย่างต่อเนื่อง และได้สนับสนุนการศึกษาของชาติผ่านการให้ความร่วมมือกับทางราชการในการสร้างโรงเรียนที่วัด ทั้งระดับประถมศึกษา (โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง) และมัธยมศึกษา (โรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง)
นอกจากนี้ ที่วัดบางพลีใหญ่กลางยังประดิษฐานพระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดยาว 26 วา 1 ศอก 9 นิ้ว และกว้าง 3 วา 1 ศอก สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2521 และเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2544 โดยพระครูพิสารวุฒิกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลางในปัจจุบัน แรงบันดาลใจในการสร้างพระนอนนี้มาจากประสบการณ์ในการเดินทางและการปฏิบัติธรรมของท่าน เพื่อเป็นการสร้างกุศลและชักชวนให้ประชาชนเข้ามาทำบุญที่วัดเช่นเดียวกับวัดอื่นๆที่ท่านได้เห็นมา
นอกจากนี้ วัดบางพลีใหญ่กลางยังมีพระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต หรือพระมหาเจดีย์วัดกลาง ซึ่งเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่มียอดฉัตรทองคำ และบรรจุพระบรมสารีริกฐาตุ รวมถึงรูปปั้นองค์พระ
วัดบางพลีใหญ่กลางจึงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของการศึกษาและวัฒนธรรมที่สำคัญ สะท้อนถึงบทบาทที่หลากหลายของวัดในสังคมไทย ทั้งในด้านการศึกษา การสร้างศิลปวัฒนธรรม และการเป็นแหล่งรวมจิตใจของชุมชนในการปฏิบัติธรรมและสร้างความดีงามร่วมกัน
บรรยากาศภายในวัดพระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร วัดบางพลีใหญ่กลาง (วัดพระนอน)
เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดบางพลีใหญ่กลาง ผู้เยี่ยมชมจะพบกับศาลากลางน้ำที่ตั้งอยู่ทางด้านขวามือของวัด สถานที่แห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในการพักผ่อน ให้อาหารปลา และปล่อยปลาปล่อยเต่า เพื่อทำบุญและเป็นการสงเคราะห์สัตว์ตามคติศาสนาพุทธ นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีร้านอาหารและของกินจำหน่ายทั้งในช่วงเช้าและเย็น
ภายในตัวพระนอนของวัดนี้ ซึ่งสามารถเข้าชมได้จากด้านหลังขององค์พระ มีภาพเขียนที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทวดาและนรก นอกจากนี้ ที่ด้านหน้าวัดซึ่งติดกับคลองสำโรง ยังมีเรือสำเภาตั้งโชว์อยู่ อีกหนึ่งจุดเด่นคืออวัยวะภายในขององค์พระนอนที่มีการตกแต่งอย่างประณีต โดยเฉพาะหัวใจซึ่งบรรจุด้วยเพชรนิลจินดา น้ำพันจันทร์ และทองคำ เพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่งและศักดิ์สิทธิ์ของพระ ชาวบ้านและผู้มาเยือนมักจะทำพิธีปิดทองที่หัวใจพระนอน เพื่อความเป็นสิริมงคลและเสริมดวงชะตา การปิดทองนี้ถูกมองว่าเป็นการแสดงความเคารพและการปิดทองหัวใจแก่พระพุทธเจ้าในทางอุปมา
