วัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นวัดอารามชั้นเอกและวรมหาวิหารที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1651 และตั้งอยู่ในเมืองลำพูน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของลำพูนอันเก่าแก่มากกว่าพันปี ซึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในวัด คุณต้องผ่านซุ้มประตูที่สวยงามที่ถูกก่อสร้างด้วยอิฐและปูนและมีลวดลายแต่งประดิษฐ์อย่างละเอียดอ่อนเป็นผลงานที่น่าประทับใจจากยุคศรีวิชัย และภายในวัดมีพระบรมธาตุหริภุญชัยที่บรรจุพระเกศบรมธาตุของพระพุทธเจ้าในโกศทองคำที่นำมาประดิษฐานในพระเจดีย์ เป็นสิ่งมีคุณค่าทางศาสนาและเป็นองค์พระธาตุที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคนที่เกิดในปีที่มีสัญลักษณ์เป็นระกา
นอกจากนี้ วัดพระธาตุหริภุญชัยเคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าอทิตยราช ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ 33 ของนครหริภุญชัย และต่อมาพระองค์ได้สร้างเป็นสังฆารามเป็นของทางพระพุทธศาสนา เมื่อเปลี่ยนเป็นสังฆารามแล้ว พระองค์ได้สร้างสิงห์หลังถอนกำแพงส่วนนอกของวัดออก และตั้งอยู่ที่ประตูทิศตะวันออก ตามประเพณีการสร้างสิงห์ที่เป็นสัญลักษณ์ของการคุ้มครองวัด วัดพระธาตุหริภุญชัย มีกำแพงสองชั้น ตามลักษณะของพระราชวังเดิมของพระเจ้าอาทิตยราช และมีบริเวณอันกว้างขวางรอบวัด รวมถึงสร้างศาลาบาตรรอบพระธาตุหริภุญชัยเป็นกำแพงชั้นในอีกชั้นหนึ่ง
ตำนานของวัดพระธาตุหริภุญชัยกล่าวถึงวัดเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ สร้างขึ้นตามที่พระพุทธเจ้าทำนายมา ด้วยลักษณะเจดีย์สี่เหลี่ยม สูง 12 ศอก (ประมาณ 6 เมตร) ที่สามารถเข้าออกได้ทั้งสี่ด้าน และมีปราสาทสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่มุมแต่ละองค์
เมื่อพญามังรายได้ครองเมืองหริภุญชัย ได้สั่งให้ปรับปรุงพระธาตุหริภุญชัย โดยเปลี่ยนลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด และในราวปี พ.ศ. 1990 (หรือบางที่กล่าวว่าปี พ.ศ. 1986) ในสมัยของพระเจ้าติโลกราชจากวงศ์มังราย ได้สั่งให้ทำการบูรณะพระธาตุหริภุญชัย โดยเปลี่ยนรูปทรงเป็นเจดีย์ดังที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
พระธาตุหริภุญชัยในปัจจุบันนั้น เป็นเจดีย์ทรงระฆัง (ทรงกลม) ที่สวยงามและมีสมดุล หุ้มด้วยทองคำที่เป็นสีทองที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ และเรียกว่าเป็นแบบอย่างและมีอิทธิพลต่อการสร้างเจดีย์ของวัดอื่นๆ หลายสถานที่ เช่น วัดพระธาตุลำปางหลวงที่จังหวัดลำปาง และวัดพระธาตุแช่แห้งที่จังหวัดน่าน
ทุกๆ ปีจะมีการจัดงาน "ประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย" โดยมีการอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากดอยมะข้อมาเพื่อสรงน้ำตามที่มีการปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณ สถานการณ์นี้ไม่ได้ร่วมกันเฉพาะชาวจังหวัดลำพูนเท่านั้น แต่ยังมีประชาชนทั่วประเทศไทยและชาวต่างชาติที่ได้เดินทางมาเพื่อร่วมงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเช่นกัน.
วัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นวัดอารามชั้นเอกและวรมหาวิหารที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1651 และตั้งอยู่ในเมืองลำพูน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของลำพูนอันเก่าแก่มากกว่าพันปี ซึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในวัด คุณต้องผ่านซุ้มประตูที่สวยงามที่ถูกก่อสร้างด้วยอิฐและปูนและมีลวดลายแต่งประดิษฐ์อย่างละเอียดอ่อนเป็นผลงานที่น่าประทับใจจากยุคศรีวิชัย และภายในวัดมีพระบรมธาตุหริภุญชัยที่บรรจุพระเกศบรมธาตุของพระพุทธเจ้าในโกศทองคำที่นำมาประดิษฐานในพระเจดีย์ เป็นสิ่งมีคุณค่าทางศาสนาและเป็นองค์พระธาตุที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคนที่เกิดในปีที่มีสัญลักษณ์เป็นระกา
นอกจากนี้ วัดพระธาตุหริภุญชัยเคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าอทิตยราช ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ 33 ของนครหริภุญชัย และต่อมาพระองค์ได้สร้างเป็นสังฆารามเป็นของทางพระพุทธศาสนา เมื่อเปลี่ยนเป็นสังฆารามแล้ว พระองค์ได้สร้างสิงห์หลังถอนกำแพงส่วนนอกของวัดออก และตั้งอยู่ที่ประตูทิศตะวันออก ตามประเพณีการสร้างสิงห์ที่เป็นสัญลักษณ์ของการคุ้มครองวัด วัดพระธาตุหริภุญชัย มีกำแพงสองชั้น ตามลักษณะของพระราชวังเดิมของพระเจ้าอาทิตยราช และมีบริเวณอันกว้างขวางรอบวัด รวมถึงสร้างศาลาบาตรรอบพระธาตุหริภุญชัยเป็นกำแพงชั้นในอีกชั้นหนึ่ง
ตำนานของวัดพระธาตุหริภุญชัยกล่าวถึงวัดเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ สร้างขึ้นตามที่พระพุทธเจ้าทำนายมา ด้วยลักษณะเจดีย์สี่เหลี่ยม สูง 12 ศอก (ประมาณ 6 เมตร) ที่สามารถเข้าออกได้ทั้งสี่ด้าน และมีปราสาทสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่มุมแต่ละองค์
เมื่อพญามังรายได้ครองเมืองหริภุญชัย ได้สั่งให้ปรับปรุงพระธาตุหริภุญชัย โดยเปลี่ยนลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด และในราวปี พ.ศ. 1990 (หรือบางที่กล่าวว่าปี พ.ศ. 1986) ในสมัยของพระเจ้าติโลกราชจากวงศ์มังราย ได้สั่งให้ทำการบูรณะพระธาตุหริภุญชัย โดยเปลี่ยนรูปทรงเป็นเจดีย์ดังที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
พระธาตุหริภุญชัยในปัจจุบันนั้น เป็นเจดีย์ทรงระฆัง (ทรงกลม) ที่สวยงามและมีสมดุล หุ้มด้วยทองคำที่เป็นสีทองที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ และเรียกว่าเป็นแบบอย่างและมีอิทธิพลต่อการสร้างเจดีย์ของวัดอื่นๆ หลายสถานที่ เช่น วัดพระธาตุลำปางหลวงที่จังหวัดลำปาง และวัดพระธาตุแช่แห้งที่จังหวัดน่าน
ทุกๆ ปีจะมีการจัดงาน "ประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย" โดยมีการอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากดอยมะข้อมาเพื่อสรงน้ำตามที่มีการปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณ สถานการณ์นี้ไม่ได้ร่วมกันเฉพาะชาวจังหวัดลำพูนเท่านั้น แต่ยังมีประชาชนทั่วประเทศไทยและชาวต่างชาติที่ได้เดินทางมาเพื่อร่วมงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเช่นกัน.