ศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3 บ้านสันดาบ ในตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมาก ศาลแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความซื่อสัตย์ของพันท้ายนรสิงห์ ผู้เป็นนายท้ายเรือในสมัยอยุธยา ที่ได้รับโทษประหารชีวิตด้วยความจงรักภักดีและเพื่อรักษาระเบียบกฏมณเฑียรบาล
ศาลเดิมนั้นตั้งอยู่ในคลองโคกขาม แต่ศาลจำลองที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในบริเวณปากคลอง สถานที่นี้เป็นจุดที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมักมากราบไหว้และปิดทององค์พ่อพันท้ายนรสิงห์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในศาลเป็นประจำ เพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว
นอกจากนี้ ประเพณีและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับศาลพันท้ายนรสิงห์ยังรวมถึงการนำรูปปั้นไก่มาถวาย เนื่องจากมีความเชื่อว่าไก่เป็นสัตว์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสามารถช่วยขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ การถวายไก่จึงกลายเป็นประเพณีที่ทำกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ที่เดินทางมายังศาลพันท้ายนรสิงห์นี้
ศาลพันท้ายนรสิงห์จึงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดรวมของความเชื่อ วัฒนธรรม และความศรัทธาของชุมชนที่มีมายาวนาน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเป็นตัวแทนของความจงรักภักดีและเสียสละในประวัติศาสตร์ไทย.
ในประวัติศาสตร์ไทย, พันท้ายนรสิงห์เป็นผู้ที่มีความภักดีอย่างยิ่งต่อพระเจ้าเสือแห่งอยุธยา และเป็นตำนานที่สะท้อนถึงความกล้าหาญและการเสียสละ เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์เริ่มต้นเมื่อเขาทราบข่าวการกบฏที่จะเกิดขึ้น ในการป้องกันไม่ให้พระเจ้าเสือตกเป็นเหยื่อของกบฏ พันท้ายนรสิงห์จึงตัดสินใจหักหัวเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง แต่เขายอมทำเพื่อปกป้องพระเจ้าเสือ ผลสุดท้าย, พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิตตามกฎหมายในขณะนั้น
พระเจ้าเสือ, ประทับใจในความภักดีและการเสียสละของพันท้ายนรสิงห์ จึงได้สั่งให้จัดตั้งศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้นที่บริเวณที่เกิดเหตุการณ์ เพื่อเป็นการระลึกถึงเขา ต่อมา, พระเจ้าเสือได้มีคำสั่งให้พระยาราชสงครามนำพลไปขุดคลองมหาชัย เพื่อเชื่อมคลองโคกขามกับแม่น้ำท่าจีน คลองนี้มีความกว้าง 5 วา และลึก 6 ศอก ซึ่งแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2252 และได้รับพระราชทานชื่อว่า "คลองสนามไชย" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "คลองมหาชัย" ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัยในปัจจุบัน แม้ว่าในหมู่ชาวบ้านจะเรียกว่า "คลองถ่าน" และในบริเวณฝั่งธนบุรีจะเรียกว่า "คลองด่าน"
เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์และศาลพันท้ายนรสิงห์เป็นตำนานที่สืบทอดกันมาในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเล่าขานถึงความกล้าหาญและความภักดีของบุคคลในอดีตเท่านั้น แต่ยังเป็นการถ่ายทอดค่านิยมและวัฒนธรรมไทยที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย