ดอยสุเทพที่เรารู้จักในปัจจุบัน เดิมถูกเรียกว่า "ดอยอ้อยช้าง" มาจากตำนานของ "พระฤาษีวาสุเทพ" ที่เคยประพฤติพระธรรมที่เขานี้เมื่อหลายพันปีที่แล้ว โดยกรมป่าไม้ได้ตั้งสถานีวนกรรมภาคเหนือในบริเวณนี้ เพื่อให้เป็นศูนย์ทำการวิจัยและศึกษาเกี่ยวกับการปลูกป่าในที่สูง การฟื้นฟูป่าที่ถูกทำลาย และการทดลองปลูกพืชไม้ท้องถิ่น อาทิ สน ยูคาลิปตัส และไม้เมืองหนาวที่หลากหลายชนิด ซึ่งยังคงสภาพอยู่เป็นหลายแปลงในอุทยานแห่งชาติในปัจจุบัน
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นที่สูงที่เต็มไปด้วยภูเขาที่สูงล้ำและซับซ้อน ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาถนนธงไชยที่เชื่อมต่อกับเทือกเขาหิมาลัย ระดับความสูงของพื้นที่แกว่งไประหว่าง 330 ถึง 1,685 เมตรจากระดับน้ำทะเล และยอดดอยปุยจึงเป็นจุดที่สูงที่สุดในท้องที่ นอกจากนี้ยังมียอดเขาอื่นๆที่สูงลดหลั่นไปในลำดับ
ในทางของสภาพภูมิอากาศ พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีความชื้น มีมีฝนและมีเมฆบางครั้ง พร้อมกับความหนาวเย็นและความแห้งแล้ง ส่งผลให้มีการสลับเปลี่ยนฤดูกาล เริ่มจากฤดูร้อนในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ตามด้วยฤดูฝนในช่วงเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน และสิ้นสุดด้วยฤดูหนาวในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ แต่ด้วยความหลากหลายของระดับความสูงและการมีภูเขาสลับซับซ้อนสูง สภาพภูมิอากาศจึงมีการแตกต่างในแต่ละพื้นที่อย่างสูง
ทางขึ้นดอยปุยผ่านส้นทางขุนช่างเคี่ยน, พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และพระธาตุดอยสุเทพนั้น มีสถานที่น่าเที่ยวอื่นๆให้เลือกมากมาย ประกอบไปด้วย อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า, น้ำตกศรีสังวาลย์, น้ำตกมณฑาธาร, น้ำตกห้วยแก้ว, อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย, วังบัวบาน, ผาเงิบ, และเชิงดอยสุเทพที่มีสวนสัตว์เชียงใหม่อยู่
ในการเดินทาง ถ้าเริ่มจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ ในบริเวณคูเมือง คุณสามารถเดินทางไปทางถนนสายห้วยแก้วแล้วผ่านสี่แยกไฟแดงประมาณ 3 จุด และผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้น คุณจะทำการขึ้นดอย ผ่านผ่านสถานที่น่าสนใจมากมายจนถึงยอดดอยปุย
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่ชำนาญในการขับรถขึ้นเขา คุณสามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทาง ซึ่งมีจุดจอดรถตั้งแต่เริ่มขึ้นดอย หน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ และพระตำหนักภูพิงค์ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับระยะทาง จำนวนสถานที่ที่คุณต้องการไป และจำนวนผู้โดยสาร โดยรวมหากคุณต้องการท่องเที่ยวทุกที่ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ระหว่าง 100-200 บาท โดยมีการเพิ่มลดขึ้นอยู่กับการตกลงกับผู้ขับรถ